th line-th-en en  
thaicounsel
 
ad-thaicounsel
 
 
ข่าวสาร arrow Supervisor as a Counselor  
 
     
Supervisor  as  a  Counselor  

Supervisor as a Counselor

  หัวหน้าในฐานะผู้ให้คำปรึกษาแนะนำ (Supervisor  as  a  Counselor)

 

หน้าที่หลักของหัวหน้า  ในฐานะผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำ  มีสองส่วนกว้าง  ๆ  คือ

  1. หน้าที่ในการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่หรือผู้ใต้บังคับบัญชา  ให้สามารถทำงานลุล่วงไปด้วยดีหรือตอบสนองต่อเป้าหมายและนโยบายขององค์การ  โดยให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
  2. หน้าที่ในการสนับสนุน   เป็นกำลังใจ  เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของผู้ใต้บังคับบัญชา  โดยกระบวนการให้คำปรึกษาแนะนำ  หรือ  Counseling  นั่นเอง

หัวหน้ากับการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่/พนักงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา

                หัวหน้าทำหน้าที่สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่  เริ่มตั้งแต่การเข้ามาสมัครงาน  ผ่านทางการสัมภาษณ์ (Interview)  หลังจากนั้นการสัมภาษณ์ยังเกิดขึ้นเป็นระยะต่อเนื่อง  เช่นหลังการฝึกงาน  การประเมินผลงาน  หรือกรณีที่พนักงานมีปัญหา  ต้องการคำปรึกษาแนะนำช่วยเหลือ(Counseling)  ตลอดจนการสัมภาษณ์เมื่อเกิดการลาออกหรือต้องถูกไล่ออกจากงาน   หรือเมื่อพนักงานต้องการร้องเรียน  เป็นต้น  ลักษณะของการสัมภาษณ์มักจะปนกันระหว่างการพูดคุยสื่อสารทางตรงและการพูดคุยหรือสื่อสารทางอ้อม

 

การสัมภาษณ์หรือ Interview     มีลักษณะและขั้นตอนการติดต่อสื่อสารทางตรง  มีการเตรียมการ  ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้ล่วงหน้าว่าจะพูดคุยกันด้วยเรื่องอะไร  มีความจริงแค่ไหน  มีเป้าหมายวัตถุประสงค์และขอบข่ายการสอบถามอย่างไร  ผู้สัมภาษณ์พยายามหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดจากผู้ถูกสัมภาษณ์   เช่นการสัมภาษณ์เพื่อเข้าทำงาน        

ขณะเดียวกัน  ผู้ถูกสัมภาษณ์ มีการเตรียมตัวล่วงหน้า  ว่าจะถูกถามเรื่องใดบ้าง

 

การให้คำปรึกษาแนะนำ (Counseling)  มีลักษณะเป็นการสัมภาษณ์ทางอ้อม  เพื่อนำไปสู่การแนะนำ  การชี้แนะ  ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชา  อาจเป็นผู้ร้องขอความช่วยเหลือ  ขอคำปรึกษาแนะนำ  หรือหัวหน้าเชิญผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้เกี่ยวข้องมาสอบถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น  ซึ่งหัวหน้าต้องการรู้และเข้าใจถึงอารมณ์ความรู้สึกและความต้องการจริง  ๆ  ของเจ้าหน้าที่นั้น  ๆ  เช่น  กรณีที่มีการร้องเรียน  ยื่นคำประท้วง  หรือพนักงานสมัครใจที่จะลาออก  กระบวนการให้คำปรึกษาแนะนำหรือ  Counseling  เป็นกระบวนที่ช่วยให้เกิดการเรียงลำดับทางความคิด  เพิ่มเติมข้อมูลจากที่ขาดหายไปหรือไม่รู้  ให้ความสำคัญเรื่องอารมณ์และความรู้สึก  เป็นการเปิดโอกาสให้มีการติดต่อสื่อสารสองทาง  เป็นขั้นตอนที่นำไปสู่การตัดสินใจ  และสุดท้ายก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  และทัศนคติในระยะยาว

 

หัวหน้าในฐานะ  Counselor  จะเปิดโอกาสให้ผู้พูด  พูดอย่างที่เขาต้องการแสดงออกทั้งความรู้สึกและทัศนคติ  ซึ่งการควบคุมสถานการณ์และอารมณ์ในภาวะเช่นนี้  ยากกว่าการสัมภาษณ์ทางตรง  หัวหน้าหรือ Counselor  ต้องมีความตั้งใจมากกว่า  มีสมาธิในการฟัง  สามารถเข้าใจและรับข้อมูลที่ส่งมาทั้งทางตรง  ทางอ้อม  ซ่อนเร้นและที่ไม่ได้กล่าวถึง  หัวหน้าต้องระมัดระวังไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัว  ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกให้ได้  ไม่แสดงความเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย  เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่เป็นตัวของตัวเองเต็มที่  มีอิสระในการวิพากษ์วิจารณ์  ตำหนิ  แสดงความรู้สึกในทางลบมาให้หมด  ซึ่งเป็นกระบวนการ  “บำบัดจิต” วิธีหนึ่ง  เพราะเมื่อได้พูดในสิ่งที่ไม่ดีออกมาหมดแล้ว  ผู้พูดจะเริ่มมองเห็นสิ่งดีงามเพิ่มมากขึ้นจนในที่สุดสามารถจะรู้ถึงสาเหตุที่มาของปัญหาได้  ในระหว่างการรับฟังผู้พูด   พูดถึงอารมณ์ความรู้สึกความในใจ  หัวหน้าต้องตรวจสอบข้อมูลด้วยการพูดทวนเนื้อหา  ตอบรับอารมณ์และความรู้สึกที่ส่งมา  สะท้อนความคิดเห็นพฤติกรรมของผู้พูด  ตลอดจนให้คำถามเปิดปิดเพื่อช่วยให้ผู้พูดสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ตนเอง  ทำให้ผู้พูดเกิดการเรียงลำดับทางความคิด  ผ่อนคลายอารมณ์และความรู้สึก  และตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น  อันจะนำไปสู่การตัดสินใจเพื่อการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว  ไม่ว่าอะไรที่จะเกิดขึ้นกับเขาต่อไป  ทำให้ผู้พูดตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนเองในการตัดสินใจนั้น  ๆ 

 

                                                                                          อรอนงค์  อินทรจิตร

                                                                                          นรินทร์  กรินชัย

วันที่  18  กรกฎาคม   2548

  หัวหน้าในฐานะผู้ให้คำปรึกษาแนะนำ (Supervisor  as  a  Counselor)

 

หน้าที่หลักของหัวหน้า  ในฐานะผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำ  มีสองส่วนกว้าง  ๆ  คือ

  1. หน้าที่ในการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่หรือผู้ใต้บังคับบัญชา  ให้สามารถทำงานลุล่วงไปด้วยดีหรือตอบสนองต่อเป้าหมายและนโยบายขององค์การ  โดยให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
  2. หน้าที่ในการสนับสนุน   เป็นกำลังใจ  เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของผู้ใต้บังคับบัญชา  โดยกระบวนการให้คำปรึกษาแนะนำ  หรือ  Counseling  นั่นเอง

หัวหน้ากับการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่/พนักงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา

                หัวหน้าทำหน้าที่สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่  เริ่มตั้งแต่การเข้ามาสมัครงาน  ผ่านทางการสัมภาษณ์ (Interview)  หลังจากนั้นการสัมภาษณ์ยังเกิดขึ้นเป็นระยะต่อเนื่อง  เช่นหลังการฝึกงาน  การประเมินผลงาน  หรือกรณีที่พนักงานมีปัญหา  ต้องการคำปรึกษาแนะนำช่วยเหลือ(Counseling)  ตลอดจนการสัมภาษณ์เมื่อเกิดการลาออกหรือต้องถูกไล่ออกจากงาน   หรือเมื่อพนักงานต้องการร้องเรียน  เป็นต้น  ลักษณะของการสัมภาษณ์มักจะปนกันระหว่างการพูดคุยสื่อสารทางตรงและการพูดคุยหรือสื่อสารทางอ้อม

 

การสัมภาษณ์หรือ Interview     มีลักษณะและขั้นตอนการติดต่อสื่อสารทางตรง  มีการเตรียมการ  ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้ล่วงหน้าว่าจะพูดคุยกันด้วยเรื่องอะไร  มีความจริงแค่ไหน  มีเป้าหมายวัตถุประสงค์และขอบข่ายการสอบถามอย่างไร  ผู้สัมภาษณ์พยายามหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดจากผู้ถูกสัมภาษณ์   เช่นการสัมภาษณ์เพื่อเข้าทำงาน        

ขณะเดียวกัน  ผู้ถูกสัมภาษณ์ มีการเตรียมตัวล่วงหน้า  ว่าจะถูกถามเรื่องใดบ้าง

 

การให้คำปรึกษาแนะนำ (Counseling)  มีลักษณะเป็นการสัมภาษณ์ทางอ้อม  เพื่อนำไปสู่การแนะนำ  การชี้แนะ  ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชา  อาจเป็นผู้ร้องขอความช่วยเหลือ  ขอคำปรึกษาแนะนำ  หรือหัวหน้าเชิญผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้เกี่ยวข้องมาสอบถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น  ซึ่งหัวหน้าต้องการรู้และเข้าใจถึงอารมณ์ความรู้สึกและความต้องการจริง  ๆ  ของเจ้าหน้าที่นั้น  ๆ  เช่น  กรณีที่มีการร้องเรียน  ยื่นคำประท้วง  หรือพนักงานสมัครใจที่จะลาออก  กระบวนการให้คำปรึกษาแนะนำหรือ  Counseling  เป็นกระบวนที่ช่วยให้เกิดการเรียงลำดับทางความคิด  เพิ่มเติมข้อมูลจากที่ขาดหายไปหรือไม่รู้  ให้ความสำคัญเรื่องอารมณ์และความรู้สึก  เป็นการเปิดโอกาสให้มีการติดต่อสื่อสารสองทาง  เป็นขั้นตอนที่นำไปสู่การตัดสินใจ  และสุดท้ายก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  และทัศนคติในระยะยาว

 

หัวหน้าในฐานะ  Counselor  จะเปิดโอกาสให้ผู้พูด  พูดอย่างที่เขาต้องการแสดงออกทั้งความรู้สึกและทัศนคติ  ซึ่งการควบคุมสถานการณ์และอารมณ์ในภาวะเช่นนี้  ยากกว่าการสัมภาษณ์ทางตรง  หัวหน้าหรือ Counselor  ต้องมีความตั้งใจมากกว่า  มีสมาธิในการฟัง  สามารถเข้าใจและรับข้อมูลที่ส่งมาทั้งทางตรง  ทางอ้อม  ซ่อนเร้นและที่ไม่ได้กล่าวถึง  หัวหน้าต้องระมัดระวังไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัว  ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกให้ได้  ไม่แสดงความเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย  เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่เป็นตัวของตัวเองเต็มที่  มีอิสระในการวิพากษ์วิจารณ์  ตำหนิ  แสดงความรู้สึกในทางลบมาให้หมด  ซึ่งเป็นกระบวนการ  “บำบัดจิต” วิธีหนึ่ง  เพราะเมื่อได้พูดในสิ่งที่ไม่ดีออกมาหมดแล้ว  ผู้พูดจะเริ่มมองเห็นสิ่งดีงามเพิ่มมากขึ้นจนในที่สุดสามารถจะรู้ถึงสาเหตุที่มาของปัญหาได้  ในระหว่างการรับฟังผู้พูด   พูดถึงอารมณ์ความรู้สึกความในใจ  หัวหน้าต้องตรวจสอบข้อมูลด้วยการพูดทวนเนื้อหา  ตอบรับอารมณ์และความรู้สึกที่ส่งมา  สะท้อนความคิดเห็นพฤติกรรมของผู้พูด  ตลอดจนให้คำถามเปิดปิดเพื่อช่วยให้ผู้พูดสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ตนเอง  ทำให้ผู้พูดเกิดการเรียงลำดับทางความคิด  ผ่อนคลายอารมณ์และความรู้สึก  และตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น  อันจะนำไปสู่การตัดสินใจเพื่อการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว  ไม่ว่าอะไรที่จะเกิดขึ้นกับเขาต่อไป  ทำให้ผู้พูดตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนเองในการตัดสินใจนั้น  ๆ 

 

                                                                                          อรอนงค์  อินทรจิตร

                                                                                          นรินทร์  กรินชัย

วันที่  18  กรกฎาคม   2548

 
 
 
 
hotline  
  Counter 206,185 หน้าหลัก | หลักสูตร | รายงานการฝึกอบรม | ข่าวสาร | วิทยากร | ติดต่อเรา